บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ลงทุนและสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร โดยทางบริษัทฯ ได้เลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากผู้ผลิตนานาประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตอุปกรณ์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เพื่อตอบรับนโยบายความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ บริษัทฯได้ดำเนินการร่วมกับสหกรณ์การเกษตรสตรีบางภาษีในฐานะผู้สนับสนุนโครงการ และผ่านการคัดเลือกให้เป็นผู้มีสิทธิ์ดำเนินการและจำหน่าย ไฟฟ้าด้วยขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ ตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ภายใต้โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรโดยโรงไฟฟ้าเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2559 และเริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2560 เป็นต้นไป ทั้งนี้จากการศึกษาข้อมูลพบว่า อําเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม มีค่าเฉลี่ยความเข้มแสงตลอดทั้งปีประมาณ 18.77 เมกะจูลต่อตารางเมตรต่อวัน โดยมีค่าสูงสุดเท่ากับ 25 เมกะจูลต่อตารางเมตรต่อวัน (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, ข้อมูลความเข้มรังสีดวงอาทิตย์สําหรับประเทศไทยจาก ข้อมูลดาวเทียมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 - 2541) ทั้งนี้โครงการมีระยะเวลาดำเนินทั้งสิ้น 25 ปี ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 18,000 หน่วย/วัน นอกจากนี้บริษัทฯ ได้จัดทำประกันภัยเป็นวงเงินเพื่อคุ้มครองในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อโครงการ อาทิ การเสียหายของแผงโซล่าเซลล์ การเสียหายของอุปกรณ์เนื่องจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 บริษัทได้เข้าซื้อกิจการบริษัท วี.โอ.เน็ต ไบโอดีเซล เอเซีย จำกัด (“VON”) ซึ่ง VON มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.267 เมกะวัตต์ จำนวน 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่ ตำบลหัวนาคำ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2557 ในอัตราค่าไฟพื้นฐานบวกส่วนเพิ่มเป็นระยะเวลา 10ปี ทำให้ในปี 2562 บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายในประเทศทั้งสิ้น 2 แห่ง มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 6 เมกะวัตต์
จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผ่านมา บริษัทฯตัดสินใจลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 220 เมกะวัตต์ บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ โครงการนี้มีขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนาของเมืองหลวงแห่งใหม่ ของประเทศเมียนมา “เนปยีดอ” จึงเป็นเหตุจำเป็นที่ต้องมีพลังงานไฟฟ้ารองรับเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 บริษัทฯได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นของ บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEPT) ในสัดส่วนร้อยละ 30 ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นใน GEP (Myanmar) Company Limited (GEPM) สัดส่วนร้อยละ 100 และในวันที่ 24 ธันวาคม 2562 บริษัทฯได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีกร้อยละ 10 ส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นใน GEPT เป็นจำนวนทั้งสิ้นร้อยละ 40 โดย GEPM เป็นผู้ที่ได้รับสัมปทานในรูปแบบ Build-Operate-Transfer (BOT) ในการพัฒนาและดำเนินโครงการดังกล่าว และเป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (“Power Purchase Agreement” หรือ สัญญา “PPA”) กับ Electric Power Generation Enterprise (“EPGE”) ระยะเวลารวมทั้งสิ้น 30 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของระยะที่ 1 ทั้งนี้การก่อสร้างสำหรับโครงการแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 บริษัทฯได้รับหนังสือแจ้งวันเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) อย่างเป็นทางการ สำหรับระยะที่ 1 ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ และสามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีโดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2562 เป็นต้นไป
บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นว่าเป็นโอกาสที่เหมาะสม ที่จะลงทุนในพลังงานหมุนเวียนที่ได้จากแสงอาทิตย์กับภาคเอกชน เนื่องจากปัจจุบันประสิทธิภาพของอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ประกอบการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีการพัฒนาขึ้นมามากอย่างเห็นได้ชัด และราคาต้นทุนของวัสดุอุปกรณ์มาอยู่ในจุดที่มีความน่าสนใจในการลงทุน บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 51 กับบริษัทพันธมิตรผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสร้างระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้บริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (“SAP”) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ภาคเอกชน (“Private Power Purchase Agreement หรือ “P-PPA”) อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและผลิตพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อประโยชน์สูงสุด ภายในวันเดียวกัน บริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด ได้เซ็นสัญญา P-PPA กับลูกค้ากลุ่มแรกจำนวน 7 ราย รวมกำลังการผลิต 4 เมกะวัตต์ โดยมีเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตขนาด 110 เมกกะวัตต์ภายในปี 2566 ทั้งนี้เป้าหมายดังกล่าวมีความสอดคล้องกับนโยบายของทางภาครัฐที่มีการสนับสนุนการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไปจนถึงปี 2580
เราเป็นบริษัทชั้นนำและเป็นผู้นำทางธุรกิจ ด้านพลังงานทางเลือก ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้น