SCN ผู้นำธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจร เปิดผลงานประจำไตรมาส 2 ปี 2566 ทุกไลน์ธุรกิจเติบโตแกร่ง คว้ากำไรรวม 55 ล้านบาท โตเพิ่ม 150% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เผย SAP โตเพิ่ม 64% พร้อมยื่นไฟลิ่งภายในปีนี้
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ สามารถทำกำไรรวมอยู่ที่ 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เทียบกับปีก่อนหน้า และ 150% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยไม่รวมกำไร one-time ที่เกิดจากขายเงินลงทุนใน บริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย -ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) ในไตรมาส 1 ปี 65 รวมถึงการตัดจำหน่ายโครงการที่เป็น Non-perform ของบริษัท ทั้งนี้ปัจจัยในการสร้างกำไรการเติบโตไตรมาส 2/2566 ของบริษัท ได้แก่ ทุกไลน์ธุรกิจของบริษัทมีผลงานสดใสต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ ได้อานิสงค์บวกจากปริมาณความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ได้ผลบวกจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ( COD) จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ภาคเอกชน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า รวมทั้งพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของ บริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย -ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) หลังจากจับมือกับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น โดยไตรมาสสองของปี 2566 ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ และนอกจากนี้บริษัทยังได้กำไรจากการซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ NGV จำนวน 489 คัน ของ ขสมก. เพิ่มสูงขึ้น จากค่าซ่อมบำรุงต่อวันที่เพิ่มขึ้น ตามระยะเวลาของสัญญา
กลางปีนี้ SCN ได้ประกาศก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของผู้นำขนส่งก๊าซในประเทศไทย เนื่องจากบริษัทฯ คว้าชัยชนะในการยื่นประมูลงานจัดหาผู้รับจ้างขนส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ ( NGV) รวมระยะเวลา 2 ปี มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯได้พื้นที่ขนส่งเพิ่ม จากเดิม 2 เขต เป็น 6 เขต คือ ลาดหลุมแก้ว ลำลูกกา สามโคก ( 2 เขต) เชียงรากน้อย และกิ่งแก้ว รวมปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนกิโลกรัมต่อวัน เมื่อรวมปริมาณงานขนส่งกลุ่มอุตสาหกรรม ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ กลายเป็นเจ้าแห่งผู้ขนส่งก๊าซธรรมชาติ สูงสุดล้านกิโลกรัมต่อวัน ซึ่งมีปริมาณมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพการเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งก๊าซธรรมชาติของบริษัท นอกจากนี้ในส่วนของ บริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ยังเติบโตเพิ่ม 64% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ COD เพิ่มอีก 4 โครงการ ทำให้ปัจจุบัน COD ไปแล้วรวม 27 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 18 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตในมือทั้งหมดกว่า 21 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ SCN ยังได้รับกำไรเพิ่มขึ้นจาก การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน SAP ประมาณ 10%
เมื่อไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เมื่อสรุปภาพรวมรายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 2/2566บริษัทจะอยู่ที่ 516 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 51% เทียบกับปีก่อนหน้า” ดร.ฤทธี กล่าว
ดร.ฤทธี กล่าวเพิ่มเติมในส่วนรายได้จำแนกตามประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ รายได้อยู่ที่ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22% เทียบกับปีก่อนหน้า), ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และรถโดยสารปรับอากาศ รายได้อยู่ที่ 52ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 24% เทียบกับปีก่อนหน้า), ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน รายได้อยู่ที่ 127 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 738% เทียบกับปีก่อนหน้า), และธุรกิจขนส่งและอื่นๆ รายได้อยู่ที่ 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12% เทียบกับปีก่อนหน้า)
ทั้งนี้จากความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ บริษัทมั่นใจในแผนการดำเนินงานภายในปีนี้ที่จะสดใสและเป็นไปตามเป้า โดยมีความพร้อมที่จะนำ บริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์
(Filing) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอภายในปีนี้อย่างแน่นอน ดร.ฤทธี กล่าวทิ้งท้าย